คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบเฉลิมพระเกียรติให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงงานหนัก เสด็จพระราชดำเนินไปทุกท้องที่ทั่วประเทศ เพื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชนชาวไทย สมดั่งพระปฐมบรมราชโองการ ที่เคยตรัสไว้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 ความว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

ด้วยทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น โดยเฉพาะประชาชนผู้ประกอบอาชีพชาวนา ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ จึงมีพระมหากรุณาธิคุณให้มีการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวนาด้วย

โดยมีพระราชดำริ ให้ฟื้นฟูพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้นอีกครั้งในปี 2503 หลังจากที่ว่างเว้นมานาน นับตั้งแต่ปี 2479 และมีพระราชกระแสรับสั่งให้ปรับปรุงพิธีการบางอย่างให้เหมาะสมกับยุคสมัย ด้วยทรงเห็นว่าเป็นประเพณีที่สำคัญของชาติ ที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่โบราณ ช่วยเสริมสร้างให้เกิดขวัญกำลังใจแก่ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม พร้อมนี้ยังเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธาน ในพระราชพิธีนี้ ทุกปี สืบมามิได้ขาด

ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2530 ณ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ใจความว่า

ทรงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสายพันธุ์ข้าวไทยให้ดีขึ้น จึงมีพระราชดำริให้กรมการข้าวนำข้าวสายพันธุ์ต่างๆ จากทั่วประเทศ มาทดลองปลูกในแปลงนาทดลองในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เพื่อศึกษาหาพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพพื้นที่

ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวนาไทย ทรงทุ่มเทพระวรกายบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ ด้านการพัฒนาข้าวไทย และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องข้าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากข้าวเป็นอาหารหลักของชาวไทย และเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ พระองค์จึงได้ทรงหาวิธีที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำนา เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของข้าวให้สูงขึ้น

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร จึงทรงมีพระราชดำริ ที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้เกิดความ “พออยู่ พอกิน” พระองค์ทรงใช้พระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ พระราชทานโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อประโยชน์สุข แก่ทุกชีวิตในประเทศไทยตลอดมา

เมื่อเร็วๆ นี้เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็น “พระบิดาแห่งการปฏิรูปข้าวไทย” และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย” โดยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม แก่เกษตรกรและปวงชนชาวไทย ด้วยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการปฏิรูปและพัฒนาแนวทางการผลิตข้าว และการวิจัยและพัฒนาข้าวไทยในห้วงแห่งรัชกาลตามลําดับ

ด้วยพระวิริยะอุตสาหะอุทิศกําลังพระวรกายและกําลังพระปัญญา ทําให้ข้าวไทยได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การวิจัยและปรับปรุงพันธุ์ การจัดระบบชลประทานที่เหมาะสม การขนส่งและการพัฒนาระบบการผลิตโดยรวม ประเทศไทยจึงมีความมั่นคงทางด้านอาหาร และส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณต่อการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย โดยทรงพระราชดําริและทรงดําเนินการเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาข้าว ทรงมุ่งมั่นทุ่มเทกําลังพระวรกายในการปรับใช้ผลการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แก่เกษตรกรที่ประกอบอาชีพทํานา ทรงค้นคิดวิธีเกษตรทฤษฎีใหม่ การทํานาขั้นบันได โครงการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาความแห้งแล้ง การแก้ปัญหาดินเปรี้ยวในพื้นที่ต่างๆ ที่เรียกว่า “แกล้งดิน” การกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี สู่เกษตรกรที่เรียกว่า “พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน”

งานวิจัยและพัฒนาด้านข้าวของประเทศไทย เริ่มต้นตั้งแต่รัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทำนุบำรุงการเพาะปลูกข้าว และพัฒนาข้าวของประเทศไทยให้มีคุณภาพ นอกจากนี้ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังทรงสนพระทัยงานด้านวิจัยและพัฒนาข้าวไทยมาโดยตลอด มีการส่งเสริมสนับสนุนข้าวไทยจนเป็นที่ชื่นชมไปทั่วโลก สถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ จึงได้น้อมเกล้าฯ ถวายเหรียญทอง “International Rice Award” เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ

 

อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทอง ใส่ใจสร้างสรรค์ข้าวคุณภาพ