ตลอด 80 ปีที่ข้าวหงษ์ทองได้ผลิตและจำหน่ายข้าว จนเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ระดับโลก หัวใจสำคัญที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จคือ แนวความคิดที่ถือว่า “ชาวนา” คือเพื่อนร่วมงานที่จะพัฒนาและเติบโต ไปด้วยกัน

ข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% Limited Edition ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น ข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุด หอม นุ่มที่สุดแห่งปี จึงถือว่าเป็นความสำเร็จของชาวนาในโครงการข้าวนาหยอดด้วยเช่นกัน ข้าวหงษ์ทองได้ส่งเสริมให้ ชาวนาทำนาหยอดแบบแห้งมาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อรักษาพันธุ์ข้าวหอมมะลิ และช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุน การทำนา และสร้างความยั่งยืนในอาชีพชาวนา ก่อนจะเริ่มโครงการข้าวหงษ์ทองได้ทดลองการทำนาหลากหลายวิธี จนพบว่าการทำนาหยอดเป็นวิธีการ ที่เหมาะสมที่สุดกับพื้นที่ภาคอีสานที่ปลูกข้าวหอมมะลิ

 

ทั้งนี้การทำนาหยอดเป็นวิธีการปลูกข้าวแบบใหม่ที่แตกต่างจากการปลูกหว่านแบบเดิม ตรงที่ใช้เมล็ดพันธุ์น้อยลงทำให้ลดต้นทุนในการผลิต ด้วยความร่วมมือกับชาวนาในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธิ์ ในแปลงนาที่อยู่ในโครงการจำนวน 2,000 ไร่ ที่จังหวัดอุบลราชธานีและอำนาจเจริญ โดยมีหน่วยงานราชการร่วมให้ความรู้ในการดูแลแปลงนาเมล็ดพันธุ์ ปฏิบัติการคืนข้าวหอมพันธุ์บริสุทธิ์จึงสำเร็จในปี 2557 ผลตรวจวิเคราะห์คุณภาพที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุบลราชธานี เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์สูงสุดที่ทำได้คือ 99.7 % และเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์นี้ชาวนาได้นำไปใช้เพาะปลูกในโครงการหงษ์ทองนาหยอดต่อไป

ปลายปี 2560 ที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่ข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% Limited Edition ได้ออกสู่ตลาดและ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค ในเวลา 1 เดือนข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดูที่มีจำหน่ายเพียง 2 แสนถุงจึงหมด ลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า

ปีนี้ข้าวหงษ์ทองจึงได้เพิ่มกำลังการผลิตข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดูถึง 2 เท่า และได้เริ่มวางจำหน่ายข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% Limited Edition ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผลตอบรับเกินคาดหมายโดยการ จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์สามารถปิดยอดขายไป 15,000 ถุงในเพียงเวลา 24 ชั่วโมง จึงเป็นที่คาดการณ์ว่า ข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% Limited Edition ทั้งหมด 2,000,000 กิโลกรัมหรือ 4 แสนถุงจะจำหน่ายหมด ภายในกลางเดือนธันวาคมอย่างแน่นอน

นอกจากความสำเร็จในด้านยอดขายแล้ว สิ่งที่ข้าวหงษ์ทองภาคภูมิใจที่สุดคือการที่ได้มีส่วนสำคัญในการ พัฒนาอาชีพการทำนาให้มีความยั่งยืน สามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้กับชาวนาอย่างเป็นรูปธรรม โดยใน ส่วนของการลงทุนลดลงประมาณ 16% จากที่ต้องลงทุนราวๆ 3,060 บาทต่อไร่ ลดลงเหลือ 2,575 บาทต่อไร่ และสามารถเพิ่มผลผลิตจาก 451 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 559 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้นจากเดิม 108 กิโลกรัมหรือ คิดเป็น 24%

จากจุดเริ่มต้นของโครงการหงษ์ทองนาหยอดมีชาวนาเข้าร่วมเพียง 53 ราย ในพื้นที่ 573 ไร่ จนถึงในขณะ นี้มีชาวนาที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 2,086 ราย บนพื้นที่กว่า 4 หมื่นไร่ ขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวหอมมะลิ พันธ์ุบริสุทธิ์ทั่วทั้ง จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี

ดังนั้นปี 2561 นี้จึงเป็นอีก 1 ปี ที่คุณกับข้าวหงษ์ทองได้มีส่วนร่วมช่วยกันพัฒนาอาชีพชาวนาให้มีรายได้มั่นคงพึ่งพาตัวเองได้ ข้าวหงษ์ทองจึงขอขอบคุณ ผู้บริโภคที่ได้สนับสนุนผลผลิตจากโครงการข้าวนาหยอด ทำให้ชาวนาไทยได้พัฒนาการผลิตข้าวระดับพรีเมี่ยม และได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น.

 

อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทอง ใส่ใจสร้างสรรค์ข้าวคุณภาพ