ในประเทศไทย มีการนำอะโวคาโดมาปลูกครั้งแรกที่จังหวัดน่าน ก่อนจะกระจายไปทั่วประเทศ นิยมรับประทานกันในกลุ่มผู้รักสุขภาพ ได้มีการนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูที่น่ารับประทานอย่างหลากหลาย เช่น นำมาเป็นส่วนประกอบของซูชิ หรือแซนด์วิช ปรุงอาหารฟิวชันต่าง ๆ
*** อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีความแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือ ผลจะไม่สุกที่ต้น แต่จะสุกหลังจากที่เก็บมาแล้ว จึงสามารถนำมารับประทานหรือวางขายได้
อะโวคาโด หรือ ลูกเนย เป็นผลไม้ที่ดูภายนอกอาจมีรูปร่างแปลกๆ ผลที่สุกจัดจะมีผิวสีดำขรุขระ เนื้อภายในถ้าสุกแล้วจะมีสีเขียว เนื้ออ่อนนุ่ม มีรสชาติคล้ายเนยที่มีจากนมวัว เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเมริกา เม็กซิโก กัวเตมาลา และหมู่เกาะเวสอินดิส เป็นไม้ยืนต้น ในแถบอเมริกาและยุโรปผลอะโวคาโดนิยมนำมาประกอบอาหารอย่างมาก และเราจะเห็น อะโวคาโด ถูกนำมาเป็นส่วนผสมของอาหารญี่ปุ่นด้วย
แต่สำหรับในประเทศไทยในยุคแรกๆ อะโวคาโดยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากกลิ่นและรสชาตินั้นไม่ค่อยถูกปากคนไทย และราคาค่อนข้างสูง แต่ในช่วงหลังมานี้ด้วยวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยเปิดกว้างมากขึ้น มีการสนับสนุนให้เพาะปลูก อีกทั้งคุณประโยชน์ที่มีมากมายของอะโวคาโด ทำให้อะโวคาโดถือเป็นผลไม้ที่มาแรงในการนำมาประกอบอาหาร อย่างเช่น วงการสุขภาพ ความงาม และ การลดน้ำหนักเลยทีเดียว
ปริมาณไขมันในอะโวคาโด อาจทำให้รู้สึกว่าทานแล้วมีประโยชน์หรือไม่ ซึ่งจริงอยู่ในเนื้อของอะโวคาโด ปริมาณ 100 กรัม (ประมาณครึ่งลูก) จะมีไขมันอยู่ถึง 14.66 g กรัม มากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีน้อยกว่าหรือแทบไม่มีเลย แต่เจ้าตัวไขมันที่อยู่ในอะโวคาโดนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คิดและไม่ได้ทำให้อ้วนขึ้นเหมือนไขมันชนิดอื่นๆ เพราะไขมันชนิดนี้เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ช่วยเพิ่มระดับ ไขมันตัวดี (HDL) และ ลดไขมันตัวเลวที่เป็นผลเสียกับร่างกายอย่าง(LDL) เมื่อไขมันทั้งสองตัวอยู่ในระดับที่สมดุลก็จะทำให้ระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจทำงานได้ดีขึ้น อะโวคาโดถือว่าเป็นตัวช่วยสำหรับการลดน้ำหนัก ด้วยปริมาณคาร์โบไฮเดรต ต่ำ (แป้, น้ำตาล) แม้แต่ผู้ป่วยโรคเบาหวานก็สามารถทานอะโวคาโดได้ เนื่องจากโปรตีนสูงกว่าผลไม้สดอื่นประมาณ 0.8 – 1.7 % และมีกรดอะมิโนที่เป็นประโยชน์สำหรับร่างกายในการช่วยย่อยโปรตีนดีขึ้น
สารอาหารในอะโวคาโด ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาติอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายหลายอย่างได้แก่
– วิตามินเอ และ เบต้าเคโรทีน ซึ่งช่วยบำรุงสายตา
– วิตามินบี ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา โรคปากนกกระจอก
– วิตมินซี ช่วยป้องกันโรคหวัด และโรคเลือดออกตามไรฟัน
– โฟเลสสูงเป็นสารอาหารที่สำคัญเหมาะกับสตรีตั้งครรภ์ เนื่องจากโฟเลตเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อของทารก
– วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นตัวช่วยให้ระบบของเซลต่างๆในร่างกายแข็งแรงทำงานได้ดี ช่วยป้องกันไม่ให้เซลถูกทำลายจากมลพิษต่างๆ
– จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง และ ช่วยให้อ่อนกว่าวัย ผิวพรรณสดใส
การรัปประทานอะโวคาโด ก็เหมือนกับอาหารอื่นๆที่มีพลังงาน จึงควรรับประทานแต่พอดี และควรทานอาหารอื่นๆให้หลากหลาย โดยปกติจะทานผลที่สุก ในปริมาณครั้งละไม่เกิน ครึ่งผล หรืออย่างมากที่สุดไม่เกิน 1 ผลต่อวัน เพราะถึงจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ให้พลังงานสูงเช่นกัน วิธีการทานสามารถทำได้หลากหลาย อาจจะตักทานเลย หรือนำมาหั่นเป็นชิ้นใส่ในสลัด ห่อด้วยข้าวสไตล์ข้าวปั้นญี่ปุ่น หรือทำเป็นของหวาน ทานคู่กับไอศกรีม ทำน้ำปั่นเพื่อสุขภาพก็ได้ หรือนำมาทาแทนเนยโรยเกลือเล็กน้อยก็ให้รสชาติดีทีเดียว
อะโวคาโดกับผิวพรรณ เพราะมีวิตมินและแร่ธาติมากมาย ทำให้อะโวคาโดถูกนำมาใช้ประโยชน์ในเรื่องของสุขภาพหลายรูปแบบ รวมถึงผิวพรรณ และเส้นผมด้วย คือน้ำมันสกัดจากผลและเมล็ดของอะโวคาโดนั่นเอง น้ำมันจากเมล็ดของอะโวคาโดจะมีกลิ่นหอมมันคล้ายกับถั่ว อุดมไปด้วยวิตมินและสารอาหาร สามารถช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยป้องกันรังสี UV และ UVB ช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำเสียที่เกิดจากแดด ช่วยบรรเทาอาการโรคสะเก็ดเงินได้ ด้วยสาเหตุเหล่านี้เอง อะโวคาโดจึงเข้ามาเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องสำอางค์หลายชนิด
ประโยชน์เพื่อความงามด้วยอะโวคาโด
บำรุงเส้นผม เพื่อให้ผมนุ่มสลวย เงางาม เนื้ออะโวคาโดครึ่งผลผสมกับไข่แดง 1 ฟองและน้ำมันมะกอกครึ่งช้อนชา ปั่นให้ละเอียดนำมาชะโลมให้ทั่วศรีษะ นวดเบาๆ และหมักทิ้งไว้ ประมาณ 25 นาที ล้างออกด้วยแชมพูตามปรกติ เพียงเท่านี้ก็ได้ทรีดเม้นผมแบบธรรมชาติ พร้อมผมสวยเงางามมีน้ำหนักโดยไม่ต้องไปร้านแพงๆแล้วค่ะ
สร้างความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าและรอบดวงตา ลดปัญหา รอบดวงตาหมองคล้ำ ใช้อะโวคาโดฝานเป็นแผนบางๆ แปะทิ้งไว้ 10-15 นาที หรือทำเป็นสูตรมาร์กหน้า ด้วยการนำเนื้ออะโวคาโดครึ่งผลบดให้ละเอียด นำมาพอกหน้าและบริเวณรอบตัวตาทิ้งไว้ (15-20นาที)ก็จะช่วยบรรเทาอาการดวงตาและผิวหน้าหมองคล้ำและช่วยทำให้ผิวสดชื่นขึ้นได้
ขัดผิวด้วยอะโวคาโด ใช้เนื้ออะโวคาโดครึ่งผลปั่นรวมกับข้าวโอ๊ต ไข่ขาว 1 ฟอง และ น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ให้มีลักษณะเหมือนกับครีมสครับ ใช้ขัดเบาๆทั่วร่างกาย ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก เราก็จะได้ผิวนุ่มเนียนกระจ่างใสแบบธรรมชาติแล้วค่ะ
อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทอง ใส่ใจสร้างสรรค์ข้าวคุณภาพ