ผักและผลไม้ที่มีสารพิษปะปนอยู่มีได้ทั้งโรคชนิดเฉียบพลันและโรคเรื้อรัง อาการเฉียบพลัน เช่น อาเจียน คลื่นไส้ ปวดหัว หน้ามืด หายใจไม่ออก ปวดท้อง เป็นไข้ ชา หรือแม้แต่หมดสติไป เช่นบางคนไปกินราดหน้าที่มีผักคะน้าเป็นส่วนประกอบจะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือเรียกว่าอาหารเป็นพิษเป็นต้น ส่วนโรคเรื้อรังของการได้รับสารพิษที่มาจากผักและผลไม้ ส่วนมากจะมาจากการได้รับสารจากยากำจัดศัตรูพืช เช่น การเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร การเกิดโรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ การเจริญเติบโตผิดปกติในเด็กและการเกิดความเครียดได้สุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัวจึงควรใช้เวลาในขั้นตอนของการล้างผักเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากเราจะได้รับประโยชน์จากผัก ผลไม้อย่างเต็มที่แล้ว ยังช่วยลดปริมาณสารพิษตกค้างที่มีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ ทีนี้มาดูวิธีล้างผักและผลไม้สดกันค่ะ

1. น้ำซาวข้าว นำผักหรือผลไม้มาแช่ด้วยน้ำซาวข้าวประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ค่ะ

2. น้ำปูนใส (ทำมาจากปูนแดงหรือปูนขาวที่กินกับหมาก) เตรียมน้ำปูนใสอิ่มตัวที่ผสมกับน้ำเท่าตัว แล้วนำผักมาแช่ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 34-52%

3. ใช้ด่างทับทิม จำนวน 20-30 เกล็ด ผสมน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด
วิธีนี้ลดปริมาณสารตกค้างได้ 35-43%

4. ใช้น้ำส้มสายชู ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำ 4 ลิตร แช่ผักนาน 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด
วิธีนี้ลดปริมาณสารตกค้างได้ 29-38%

5. ใช้เกลือป่น ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด
วิธีนี้ลดปริมาณสารตกค้างได้ 27-38%

วิธีหลีกเลี่ยงอันตราย จากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
1. เลือกซื้อผักที่มีรูเจาะของแมลงบ้าง
2. ล้างผักผลไม้ด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
3. ผักและผลไม้ควรล้างน้ำให้สะอาดก่อนปอกเปลือก
4. เลือกบริโภคผัก ผลไม้ตามฤดูกาล

แต่ละวิธีสามารถช่วยลดปริมาณของสารตกค้างที่อยู่ในผักและผลไม้ได้แต่ว่าจะเลือกวิธีไหนก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนนะคะ

 

อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทอง ใส่ใจสร้างสรรค์ข้าวคุณภาพ