Contact Us Contact Us

อยากฟิต แต่ติดที่ไม่มีเวลา ทำอย่างไรดี ?

เชื่อไหม ว่าจริงๆ แล้วปัญหาความอ้วนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการทานอาหารเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการที่เราไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้เราเผาผลาญพลังงานน้อย และพลังงานที่เราได้รับ มากกว่าพลังงานที่เราใช้ออกไป ซึ่งหมายถึง เรานำเข้า มากกว่านำออก และอีกทั้ง นำออกก็ไม่ค่อยนำออก เพราะเรานั่งทำงานกันมากถึงวันละ 8 ชม.ต่อวัน ยังไม่รวมการนั่งบนรถ เวลาเราเดินทางอีกนะครับ

ดังนั้นเราจะมาพูดถึงเทคนิคในการทำให้เรา “ใช้พลังงานมากขึ้น” โดยที่ยังไม่ต้องออกกำลังกายจริงจังกันครับ

 

  1. ทำชีวิตประจำวันให้ Active ขึ้น

คือ active ด้วยงานการที่ทำ หรือกิจกรรมระหว่างวัน มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น อาชีพครูที่ต้องยืนสอนหนังสือ กรรมกรที่ต้องแบกหาม หรือทหารที่ต้องเดินวิ่งและเคลื่อนไหวทั้งวัน ซึ่งแต่ละวัน คนกลุ่มนี้จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าคนที่นั่งเฉยๆ ค่อนข้างมาก (แล้วแต่กิจกรรม)

Lifestyle ที่เราพนักงานออฟฟิศทำได้ คือการหากิจกรรมต่างๆ ที่เล็กๆน้อยๆ ทำให้เรากลายเป็นคนที่ Active ขึ้นครับ จากง่ายไปยาก

  1. ทำงานบ้าน เช่นกินข้าวเสร็จล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้านทุกวัน
  2. เดิน แทนการนั่งรถ หากว่าไปไหนใกล้ๆ
  3. เดินขึ้น แทนการขึ้นลิฟท์ หรือบันใดเลื่อน
  4. ตื่นเช้ามาทำกิจกรรมง่ายๆ เช่นกระโดดเชือก หรือกระโดดตบ ประมาณ 15-20 นาที ก่อนอาบน้ำ

รวมทั้งหมดนี้ หากทำทุกวัน ใน 1 เดือนเราจะใช้พลังงานได้ตั้งแต่ 3000-3500 kcal เลยทีเดียว ซึ่งเทียบเท่ากับไขมันประมาณ 0.5kg หากว่าเราทำติดต่อกัน 1 ปี เราจะลดไขมันได้ตั้ง 6 kg โดยที่ยังไม่ต้องไปออกกำลังกายเพิ่มเลย

 

2.เลือกทานอาหารให้เป็น

ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้ทานอาหารคลีนจืดๆนะครับ แต่ให้เลือกทานอาหารในมื้อ ให้มี โปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และผักให้ครบ

วิธีวัดสัดส่วนของอาหาร1 มื้อแบบง่าย ดังนี้ครับ

  1. โปรตีน แนะนำให้ทาน ขนาด 1 ฝ่ามือ เฉพาะอุ้งมือ ในลักษณะแบมือออก
  2. คาร์โบไฮเดรต ขนาด 1 กำปั้น ของเราเอง
  3. ไขมัน ขนาดหัวแม่มือ หรือนิ้วโป้งเราเอง
  4. ผัก หรือ กากใยอาหาร ขนาด 1 กำปั้น ของเราเอง (โดยของผู้ชายให้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า)

วิธีการแบบนี้ทำให้เราสามารถดูสัดส่วนอาหารได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาชั่ง ตวง วัด และสามารถทำได้แบบง่ายๆครับ

สุดท้าย การที่เราจะสุขภาพดี หุ่นดีแบบองค์รวมได้ เราต้องทำอย่างสม่ำเสมอและอย่าลืมเลือกทานคาร์บโบไฮเดรตชนิดดีอย่างข้าวซูเปอร์ไรซ์ได้ทั้งคาร์บโบไฮเดรตชนิดดี และยังได้สารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าข้าวปกติถึง 6 เท่า