Contact Us Contact Us

ฝนตก น้ำท่วม : รู้ทันโรคน้ำกัดเท้า

น้ำท่วม

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องเดินลุยน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ รู้หรือไม่? ว่าคุณเสี่ยงเป็นโรคน้ำกัดเท้าได้นะคะ

เดือนตุลาคมยังคงเป็นฤดูกาลที่ฝนตกหนักอยู่ รวมทั้งช่วงนี้เป็นช่วงที่มีน้ำขังตามพื้นถนนต่างๆ
ซึ่งทำให้เวลาเดินทางคนส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำไม่ได้ วันนี้เรามีคำแนะนำในการดูแลเท้าสำหรับคุณค่ะ

หน้าฝน

เภสัชกรเชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ  หัวหน้ากลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กล่าวว่า กรมควบคุมโรค มีความเป็นห่วงสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ประสบภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขจากสภาวะน้ำท่วมขังที่เกิดขึ้น ผู้ประสบอุทกภัยยังต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพอนามัยหลายด้าน เนื่องจากกระแสน้ำจะพาสิ่งสกปรก เชื้อโรค มาแพร่กระจายตามแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค จนก่อให้เกิดการปนเปื้อน  อีกทั้งด้วยสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงทำให้พาหะนำโรคต่างๆ เจริญเติบโตได้ดี  ปริมาณเชื้อก่อโรคมีจำนวนเพิ่มขึ้นและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เกิดโรคผิวหนังจากการสัมผัสกับสารเคมีสิ่งสกปรก

น้ำท่วม

ทั้งนี้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยส่วนใหญ่มักจะเป็น โรคน้ำกัดเท้า โรคนี้เกิดจากเชื้อรา โดยเป็นเชื้อราในกลุ่มเดียวกันกับโรขี้กลาก (Tinea) ซึ่งได้แก่ เชื้อราในสายพันธุ์ Dermatophytes ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ย่อย มีสาเหตุมาจากการแช่เท้าในน้ำที่มีเชื้อโรค เช่น ขยะมูลฝอยปะปนอยู่ ทำให้ผิวหนังระคายเคือง ผิวหนังแดงรอบๆ เป็นขอบนูนวงกลม คัน ถ้าเกาจะเป็นแผล มีน้ำเหลืองเยิ้ม และถ้าเป็นมากแผลจะอักเสบ บวม มีหนองหรือเป็นฝี มีอาการเจ็บปวด เดินไม่ไหว และมีไข้ ในระยะแรกที่มีอาการ เท้ายังไม่เป็นเชื้อรา เป็นแค่เท้าเปื่อย และมีเชื้อหนอง เชื้อราจะเกิดเมื่อเท้าอับชื้นเป็นเวลานาน เช่น ใส่รองเท้าที่อบหรือชื้นแฉะทั้งวันเดินย่ำน้ำ แช่เท้าอยู่ในน้ำเป็นเวลานานและไม่เช็คเท้าให้แห้ง

เภสัชกรเชิดเกียรติ ได้แนะนำการปฏิบัติตัวว่า หากจำเป็นต้องเดินย่ำน้ำ ควรใส่รองเท้าบูทกันน้ำ หากน้ำล้นเข้าไปในรองเท้าบูท ให้ถอดแล้วเทน้ำในรองเท้าออกเป็นคราวๆ ไม่ควรแช่น้ำอยู่ตลอดเวลา หากหารองเท้าบูทไม่ได้ให้ใช้ถุงพลาสติกดำมาประยุกต์ใช้ทำรองเท้ากันน้ำชั่วคราว  หลังจากการเดินย่ำน้ำทุกครั้ง ต้องล้างเท้าให้สะอาด ฟอกสบู่ และใช้ผ้าสะอาดเช็คให้แห้ง โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้า  แต่หากมีบาดแผล ให้ใช้แอลกอฮอล์เช็ครอบบาดแผลแล้วใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น ทิงเจอร์เบตาดีน  ส่วนการป้องกันนั้น ควรหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำสกปรกหรือแช่เท้าในน้ำเป็นเวลานานๆ ไม่ควรใส่รองเท้าที่เปียกชื้นและอบทั้งวัน เมื่อกลับเข้าบ้านทุกครั้งควรล้างเท้าให้สะอาด และเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดค่ะ

สำหรับใครที่ต้องการซื้อรองเท้าบูทติดบ้านไว้ เรามีคำแนะนำในการเลือกซื้อรองเท้าบูทเพื่อความเหมาะสมและให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคค่ะ 

รองเท้าบูท1. เลือกซื้อรองเท้าบูทให้ถูกต้อง
โดยต้องเลือกซื้อรองเท้าบูทที่มีขนาดเบอร์รองเท้าใหญ่กว่าปกติ 1 เบอร์เช่นปกติใส่เบอร์ 35 เมื่อจะซื้อรองเท้าบูทก็ซื้อเบอร์ 36 และต้องเลือกซื้อรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าสูงอย่างน้อยๆ ครึ่งนิ้วขึ้นไป เพราะหากคุณเลือกรองเท้าที่ส้นบางมากๆ อาจจะไม่ปลอดภัยเมื่อต้องเดินย่ำน้ำ เนื่องจากอาจจะเสี่ยงต่อเศษแก้วหรือของมีคมอื่นๆ ทิ่มทะลุเข้ามาในรองเท้าได้ 


2. เลือกความสูงที่พอดีกับการใช้งาน
สำหรับในเวลาปกตินั้น รองเท้าบูทที่มีความสูงแค่ข้อเท้าดูจะเป็นความสูงที่เพียงพอแล้ว แต่ในสถานการณ์ที่น้ำท่วมแบบวิกฤตเช่นนี้ ความสูงของรองเท้าบูทที่ควรเลือกซื้อคือ ตั้งแต่ระดับเข่าขึ้นไป เพราะสามารถป้องกันเท้าและขาของคุณจากน้ำที่ท่วมสูงได้เป็นอย่างดี 


3. เมื่อใส่รองเท้าบูทก็ควรสวมถุงเท้าไว้ด้านในด้วย
เพราะรองเท้าบูทนั้นทำมาจากยาง ซึ่งก่อให้เกิดการเสียดสีกับเนื้อเท้าของคุณได้ ดังนั้นก่อนสวมรองเท้าทุกครั้งควรสวมถุงเท้าด้วยจะดีที่สุด 


4. เมื่อคุณเลือกซื้อรองเท้าบูทที่ถูกใจได้แล้ว
ก่อนการนำไปใช้งานจริง อย่าลืมนำรองเท้าบูทนั้นไปทำความสะอาดโดยล้างน้ำและนำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนนำมาใช้งานจริง ทั้งนี้เพื่อป้องกันกลิ่นของยางและเพื่ออนามัยที่ดีก่อนใช้งานค่ะ สำหรับใครที่กลัวว่ายางรองเท้าจะติดกัน แนะนำให้โรยแป้งไว้ด้านในจะทำให้ยางไม่ติดกันค่ะ 


5. หลังจากใช้งานทุกครั้งต้องล้างรองเท้าบูท
และนำไปตากแดดหรือเช็ดให้แห้งทุกครั้ง เพื่อป้องกันความอับชื้น นอกจากนี้ยังไม่ควรสวมใส่รองเท้าบูทตลอดเวลา เพราะรองเท้าบูทนั้นจะเก็บกักความชื้นมากกว่ารองเท้าทั่วไป ยิ่งคุณสวมใส่ตลอดโดยไม่ถอดเลย อาจจะเสี่ยงต่อเชื้อแบคทีเรีย ที่เกิดจากความอับชื้นในรองเท้าบูทแทนได้ค่ะ 


อย่างไรก็ตามการใส่รองเท้าบูทตลอดเวลานั้นไม่เป็นผลดี เนื่องจากว่าอาจจะเสี่ยงต่อโรคผิวหนังได้ เพราะการสวมใส่รองเท้าบูทเป็นเวลานานๆ รองเท้าบูทก็อาจจะดูดซับเอาความชื้นไว้กับตัวได้ เมื่อเกิดความชื้นสะสมก็เป็นช่องทางที่ทำให้เชื้อแบคทีเรียขยายตัวจนก่อให้เกิดโรคผิวหนังได้ด้วย

ขอบคุณบทความดีๆ จาก กรมควบคุมโรคและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 

[leap_gap height=”20px” ]

อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทองไลฟ์ ข้าวอร่อยเพื่อสุขภาพ
เว็บไซต์หลักของเรา ข้าวหงษ์ทองไลฟ์ ข้าวอร่อยเพื่อสุขภาพ

[leap_gap height=”20px” ]