“มะเร็ง” ถือเป็นถ้อยคำที่ฟังดูรุนแรง ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่อยากได้ยิน ก่อนที่จะหลีกหนีให้ไกล อยากให้อ่านบทความนี้ให้จบด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง เพราะการตั้งรับ และเตรียมความพร้อม โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆให้ถูกต้องเหมาะสมยิ่งขึ้น ย่อมช่วยให้คุณต่อสู้กับมะเร็งได้อย่างแข็งแกร่งและช่วยทุเลาความรุนแรงของคำว่า “มะเร็ง” ไปได้เยอะเลยทีเดียว
วันที่ 7 ตุลาคมของทุกปีมีการกำหนดให้เป็นวันมะเร็งเต้านมโลก (World Breast Cancer Day) จากสถิติทั้งในไทยและทั่วโลก มะเร็งเต้านมพบมากเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ของโรคมะเร็งที่เกิดกับผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุสถิติว่าผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นทุกปี โรคนี้จึงอยู่ใกล้ตัวเราทุกคน
หากท่านใดกำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ ไม่ว่าจะพบเจอที่ส่วนใดของร่างกาย หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถดูแลรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น เรามาตั้งรับ ต่อสู้ และปรับเปลี่ยนตัวเองไปพร้อมๆกับการดูแลรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง ด้วย 5 แนวทางในการปรับเปลี่ยนตัวเองไปด้วยกันค่ะ
- เตรียมพร้อมสภาพจิตใจ ไปพร้อมๆกับการเปลี่ยนอารมณ์
เมื่อตรวจพบความผิดปกติในร่างกาย เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จิตเราจะตก รู้สึกท้อแท้ หมดหวัง วิตกกังวลไปนานาประการกับโรคที่เป็น แต่ต้องทำความเข้าใจว่าความเครียดจะยิ่งสร้างสภาพความเป็นกรดให้ร่างกาย และส่งผลกับสุขภาพหรือการแพร่ตัวของโรคได้ ดังนั้น ขอให้ค่อยๆตั้งสติ ปรับสภาพจิตใจให้ยอมรับกับโรคที่เกิดขึ้น แม้ต้องใช้เวลาแต่เมื่อมีสติ สร้างความเข้มแข็งของจิตใจไปทีละนิดในแต่ละวัน จะช่วยให้จิตใจสงบ และรู้สึกสบายขึ้น
วิธีการดับทุกข์ตามหลักทางพุทธ คือ การทำจิตใจให้สงบ การขจัดอารมณ์ลบ และยกสภาพจิตใจให้กลับมาสงบ ผ่อนคลาย สามารถทำได้โดยการนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน เพราะเมื่อมีสติ ก็จะทำให้เกิดปัญญาสามารถรับมือกับความทุกข์ทางกาย ใจ และพร้อมรับมือกับทุกปัญหาที่เข้ามาได้เป็นอย่างดี
2. เปลี่ยนอาหารการกิน
อาหารที่ควรทาน
- อาหารที่มีไขมันต่ำ อาหารเส้นใยสูงอย่างผัก และผลไม้หลากหลายชนิดซึ่งมีวิตามินเอ ซี อี และเบต้าแคโรทีนสูง อาทิ บร็อคโคลี่ คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง กล้วยน้ำว้า แอปเปิ้ล มะละกอ ส้ม ฯลฯ หรือน้ำผักผลไม้สด (ล้างน้ำสะอาด 2-3 น้ำก่อนนำมาทานหรือปรุงอาหาร)
- เลือกทานธัญพืชที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดสี เพราะข้าวขาวที่เราทานกันทั่วไปมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่าข้าวไม่ขัดสี ทานข้าวไม่ขัดสีให้ได้หลากชนิด อาทิ ข้าวก่ำ ข้าวหอมนิล ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพราะล้วนอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีมากกว่าข้าวกล้องทั่วไปถึง 6 เท่า ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน และต่อต้านเชื้อโรคต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ได้แก่ เม็ดบัว, เมล็ดงา, ลูกเดือย, ถั่วเขียว, ถั่วแดง ฯลฯ
- ดื่มน้ำสะอาด เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยทั่วไป ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 5 – 3 ลิตรขึ้นไป (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ สำหรับผู้ป่วยบางรายอาจจำกัดปริมาณการดื่มน้ำในแต่ละวัน)
อาหารที่ต้องหลีกเลี่ยง
ลดการทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารปิ้งย่าง อาหารที่มีรสเค็ม ผ่านการแปรรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3. เปลี่ยนการออกกำลังกาย
ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อเพิ่มระดับออกซิเจนในเซลล์ เป็นอีกกิจวัตรประจำวันที่จะทำลายเซลล์มะเร็งได้ดี โดยเริ่มต้นจากการเดินเบาๆต่อเนื่องตามที่ร่างกายรับไหว แล้วค่อยๆเพิ่มระยะเวลาตามเหมาะสม (การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วย ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์)
4. เปลี่ยนอากาศที่หายใจเข้าออก โดยสัมผัสกับธรรมชาติ
มนุษย์เราทุกคนต้องการการบำบัดฟื้นฟูสภาพจิตใจ และร่างกายดด้วยการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ที่ชายทะเล ฟังเสียงคลื่นซัดหาดทราย นอนดูท้องฟ้าและดวงดาวยามค่ำคืน ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยเยียวยาความรู้สึก ให้ความสดชื่น กระปรี้ประเปร่า และฟื้นพลังให้เราพร้อมต่อสู้กับทุกๆเรื่องที่เข้ามาในชีวิตได้มากยิ่งขึ้น ธรรมชาติเป็นยาขนานแท้ ในการมอบความสุข สงบที่เรียบง่ายให้กับชีวิตได้
5. เปลี่ยนการบริหารจัดการเวลา
เวลาถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในชีวิตของเรา ดังนั้นในช่วงของการดูแลรักษาตัว การใช้เวลาให้เกิดประโยชน์จึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง มุ่งเน้นที่การดูแลจิตใจตัวเอง สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบุญ เพื่อให้จิตใจสงบ มีอารมณ์ที่ดี ควรใช้เวลาไปกับการดูแลอาหาร เลือกซื้อ เลือกปรุงอาหารที่ดีด้วยตนเอง แบ่งเวลาไปกับการออกกำลังกายตามสมควร หรือใช้เวลาให้มีคุณค่าด้วยการอยู่กับครอบครัว คนรัก เพื่อเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้กันและกัน หรือใช้เวลาพักผ่อนทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เพื่อความเพลิดเพลิน ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ โดยจัดสรรให้มีความสมดุล ตามเหมาะสม
การบำบัดรักษาโรคมะเร็ง ทั้งผู้ป่วย ผู้ดูแล และคนใกล้ชิดต้องใช้ความอดทน ใจเย็น ไม่เครียด รักษาอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ พยายามลดความวิตกกังวลด้วยการอยู่กับปัจจุบัน และให้ความสำคัญกับการดูแลปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร เพราะอาหารถือเป็นสิ่งที่สำคัญ และมีความสัมพันธ์กับโรคเป็นที่สุด
โค้ชบัว ลวัณรัตน์ รื่นบรรเทิง
เจ้าของเพจ และพ็อกเก็ตบุ๊ค “หุ่นสวยรวยสุข”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาบุคลิกภาพ ปรับทัศนคติ และสร้างแรงบันดาลใจ