
ผักไฮโดโปนิกส์
เชื่อว่าคงเคยได้ยิน ได้เห็น ได้รับประทานกันมาบ้างแล้วนะคะกับ ผักไฮโดรโปนิกส์ ผักที่ไม่ต้องใช้ดินในการปลูก วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าผักชนิดนี้กันค่ะ ว่าดีกว่า และแตกต่างจากการปลูกบนดินอย่างไรค่ะ
ไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics) เป็นคำที่มาจากภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า hydro ซึ่งแปลว่าน้ำ และคำว่า ponos แปลว่าทำงานหรือแรงงาน และ ics แปลว่าศาสตร์หรือศิลปะ เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่าศาสตร์หรือศิลปะว่าด้วยการทำงานของน้ำนั่นเองค่ะ
ประวัติความเป็นมาของการปลูกพืชโดยวิธีนี้นั้นเริ่มมาจากการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ธาตุอาหารต่างๆ ในการปลูกพืช ซึ่งมีมาตั้งแต่หลายพันปีก่อนสมัยของอริสโตเติล จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่านักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้เขียนบันทึกต่างๆ ทางพฤกษศาสตร์ขึ้นและปรากฎอยู่จนทุกวันนี้ แต่การปลูกพืชตามหลักการทางวิทยาศาสตร์นั้นเริ่มขึ้นประมาณ 300 ปีมาแล้ว คือประมาณ ค.ศ. 1699 John Woodward นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษได้พยายามทำการทดลอง เพื่อหาคำตอบว่าอนุภาคของของแข็งและของเหลวที่อยู่ในดินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชอย่างไร ต่อมาปี ค.ศ. 1860-1865 นักวิทยาศาสตร์ชื่อ Sachs และ Knop นับเป็นผู้ริเริ่มปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยการปลูกพืชด้วยสารละลายเกลือ อนินทรีย์ต่างๆ เช่น โพแทสเซี่ยมฟอสเฟต โพแทสเซี่ยมไนเตรต ซึ่งให้ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซี่ยม แมกนีเซียม กำมะถัน แคลเซียม และเหล็ก ภายหลังมีการพัฒนาสูตรธาตุอาหารพืชเรื่อยมา จนถึงปี ค.ศ. 1920-1930 William F.Gericke แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประสบความสำเร็จในการปลูกมะเขือเทศในสารละลายธาตุอาหาร โดยพืชมีการเจริญเติบโตสมบูรณ์และให้ผลผลิตเร็ว นับเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคนิคการปลูกพืชโดยวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อปลูกพืชเป็นการค้า และได้มีการพัฒนาเทคนิควิธีการและส่วนประกอบในสารละลายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันค่ะ
ในปัจจุบันการปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์มีเทคนิคที่คิดค้นใหม่ ๆ หลากหลายรูปแบบ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การปลูกพืชในน้ำเท่านั้นค่ะ เพราะมีบางกรณีทีใช้วัสดุปลูก ทดแทนดินทั้งหมดและรดด้วยสารละลายธาตุอาหารพืช ซึ่งเราจะเรียกว่า ซับส์เทรต คัลเจอร์ หรือก็คือพวกดินวิทยาศาสตร์ที่มีลักษณะเป็นวุ้นสีๆนั่นเองค่ะ
ซึ่งการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์นั้น มีประโยชน์หลักๆ 2 ประการด้วยกันค่ะ
- ช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมได้มากขึ้นสำหรับการเติบโตของพืช แทนที่จะเป็นการใช้ดินอย่างเดิม ทำให้เราควบคุมและคำนวนผลผลิตได้ล่วงหน้า รวมไปถึงป้องกันแมลงต่างๆ และการใช้สารเคมีด้วยค่ะ
- พืชหลายชนิดจะให้ผลผลิตได้มากในเวลาที่น้อยกว่าเดิม และในบางครั้งก็มีคุณภาพที่ดีกว่าเดิมด้วยค่ะ ซึ่งในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์จะให้ผลกำไรมากขึ้น และด้วยการปลูกที่ไม่ใช้ดินจึงทำให้พืชไม่มีโรคที่เกิดในดิน ไม่มีวัชพืช ไม่ต้องจัดการดิน และยังสามารถปลูกพืชใกล้กันมากได้ ด้วยเหตุนี้พืชจึงให้ผลผลิตในปริมาณที่มากกว่าเดิมขณะที่ใช้พื้นที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีการใช้น้ำน้อยมากเพราะมีการใช้ภาชนะ หรือระบบวนน้ำแบบปิด เพื่อหมุนเวียนน้ำค่ะ ซึ่งเมื่อเทียบกับการปลูกในดินแล้วใช้น้ำน้อยกว่ามากค่ะ
[leap_gap height=”20px” ]
ในปัจจุบัน เกษตรกรยุคใหม่ก็หันมาปลูกผักด้วยวิธีนี้กันมากขึ้นค่ะ เพราะจะสอดคล้องกับสภาพอากาศในปัจจุบันที่บางปีก็แล้งมาก นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย และที่สำคัญดูแลง่ายได้ผลผลิตดีค่ะ ซึ่งหากท่านใดสนใจที่จะปลูกไว้รับประทานเองก็ทำได้ค่ะ ซึ่งขั้นตอนไม่ได้ยาก แถมใช้พื้นที่น้อยอีกด้วยค่ะ ซึ่งขั้นตอนนั้นก็ติดไว้เป็นครั้งต่อไปนะคะ และกลับมาติดตามบทความเพื่อสุขภาพดีๆแบบนี้ ได้ที่นี่ทุกวันกับ “ข้าวหงษ์ทองไลฟ์ ข้าวอร่อยเพื่อสุขภาพ” นะคะ
[leap_gap height=”20px” ]
อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทองไลฟ์ ข้าวอร่อยเพื่อสุขภาพ
เว็บไซต์หลักของเรา ข้าวหงษ์ทองไลฟ์ ข้าวอร่อยเพื่อสุขภาพ
[leap_gap height=”20px” ]