เชื่อไหม ว่าจริงๆ แล้วปัญหาความอ้วนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการทานอาหารเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการที่เราไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้เราเผาผลาญพลังงานน้อย และพลังงานที่เราได้รับ มากกว่าพลังงานที่เราใช้ออกไป ซึ่งหมายถึง เรานำเข้า มากกว่านำออก และอีกทั้ง นำออกก็ไม่ค่อยนำออก เพราะเรานั่งทำงานกันมากถึงวันละ 8 ชม.ต่อวัน ยังไม่รวมการนั่งบนรถ เวลาเราเดินทางอีกนะครับ
ดังนั้นเราจะมาพูดถึงเทคนิคในการทำให้เรา “ใช้พลังงานมากขึ้น” โดยที่ยังไม่ต้องออกกำลังกายจริงจังกันครับ
- ทำชีวิตประจำวันให้ Active ขึ้น
คือ active ด้วยงานการที่ทำ หรือกิจกรรมระหว่างวัน มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น อาชีพครูที่ต้องยืนสอนหนังสือ กรรมกรที่ต้องแบกหาม หรือทหารที่ต้องเดินวิ่งและเคลื่อนไหวทั้งวัน ซึ่งแต่ละวัน คนกลุ่มนี้จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าคนที่นั่งเฉยๆ ค่อนข้างมาก (แล้วแต่กิจกรรม)
Lifestyle ที่เราพนักงานออฟฟิศทำได้ คือการหากิจกรรมต่างๆ ที่เล็กๆน้อยๆ ทำให้เรากลายเป็นคนที่ Active ขึ้นครับ จากง่ายไปยาก
- ทำงานบ้าน เช่นกินข้าวเสร็จล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้านทุกวัน
- เดิน แทนการนั่งรถ หากว่าไปไหนใกล้ๆ
- เดินขึ้น แทนการขึ้นลิฟท์ หรือบันใดเลื่อน
- ตื่นเช้ามาทำกิจกรรมง่ายๆ เช่นกระโดดเชือก หรือกระโดดตบ ประมาณ 15-20 นาที ก่อนอาบน้ำ
รวมทั้งหมดนี้ หากทำทุกวัน ใน 1 เดือนเราจะใช้พลังงานได้ตั้งแต่ 3000-3500 kcal เลยทีเดียว ซึ่งเทียบเท่ากับไขมันประมาณ 0.5kg หากว่าเราทำติดต่อกัน 1 ปี เราจะลดไขมันได้ตั้ง 6 kg โดยที่ยังไม่ต้องไปออกกำลังกายเพิ่มเลย
2.เลือกทานอาหารให้เป็น
ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้ทานอาหารคลีนจืดๆนะครับ แต่ให้เลือกทานอาหารในมื้อ ให้มี โปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และผักให้ครบ
วิธีวัดสัดส่วนของอาหาร1 มื้อแบบง่าย ดังนี้ครับ
- โปรตีน แนะนำให้ทาน ขนาด 1 ฝ่ามือ เฉพาะอุ้งมือ ในลักษณะแบมือออก
- คาร์โบไฮเดรต ขนาด 1 กำปั้น ของเราเอง
- ไขมัน ขนาดหัวแม่มือ หรือนิ้วโป้งเราเอง
- ผัก หรือ กากใยอาหาร ขนาด 1 กำปั้น ของเราเอง (โดยของผู้ชายให้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า)
วิธีการแบบนี้ทำให้เราสามารถดูสัดส่วนอาหารได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาชั่ง ตวง วัด และสามารถทำได้แบบง่ายๆครับ
สุดท้าย การที่เราจะสุขภาพดี หุ่นดีแบบองค์รวมได้ เราต้องทำอย่างสม่ำเสมอและอย่าลืมเลือกทานคาร์บโบไฮเดรตชนิดดีอย่างข้าวซูเปอร์ไรซ์ได้ทั้งคาร์บโบไฮเดรตชนิดดี และยังได้สารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าข้าวปกติถึง 6 เท่า