ในยุคดิจิตอลแบบนี้ เราต่างใช้สายตาไปกับการทำงานกับคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เราจึงควรเริ่มดูแลดวงตาของเรากันได้แล้วค่ะ
-
ดวงตา ถือเป็นหน้าต่างของหัวใจ เป็นอวัยวะที่ใช้สื่อความหมายได้มากมาย และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นอวัยวะที่ใช้ในการมองสิ่งต่างๆ รอบตัวจึงถือว่าดวงตานั้นเป็นส่วนที่จำเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราต้องรู้จักการใช้ดวงตาอย่างถูกต้องและถะนุถนอม แต่คนในยุคปัจจุบันนี้มีการใช้สายตาที่หนักเกินไป เช่น นั่งทำงานจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน มองหน้าจอโทรศัพท์ ดูทีวีใกล้ๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความล้าของสายตา ทำให้เกิดการพร่ามัวของสายตา ปวดเบ้าตา ลามไปถึงท้ายทอยด้วย หากก้มหน้ามองจอมือถือตลอดเวลา ซึ่งจะได้รับอันตรายจากแสงสีฟ้าที่อออกมาโทรศัพท์มือถืออีกด้วย
ทำไมวิตามิน เอ ถึงบำรุงสายตาได้
อันดับแรกเรามาทำความรู้จักกับ วิตามิน เอ ก่อนค่ะ โดยวิตามิน เอ นั้น มี 2 ชนิด คือ- Retinol เป็นวิตามินเอ ที่พบในสัตว์เช่นตับ นม เป็นวิตามินที่ออกฤทธิ์ได้ทันที Retinol อาจจะเปลี่ยนเป็น Retinal retinoic acid ซึ่งเป็นรูปแบบวิตามินอีกชนิดที่ออกฤทธิ์ได้ทันที
- Provitamin A carotenoids เป็นวิตามินที่ต้องเปลี่ยนแปลงในร่างกายก่อนที่จะออกฤทธิ์ เป็นรูปแบบวิตามินเออีกชนิดหนึ่ง พบในพืชใบเขียวซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ ในธรรมชาติ Provitamin A carotenoids อยู่ได้หลายรูปแบบได้แก่ beta-carotene, alpha-carotene, lutein, zeaxanthin, lycopene, and cryptoxanthin , วิตามินเอชนิด beta-carotene จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ retinol และออกฤทธิ์ได้ดี แต่ alpha-carotene, lutein, zeaxanthin จะออกฤทธิ์ได้ประมาณครึ่งหนึ่งของ beta-carotene แต่ lycopene, cryptoxanthin จะไม่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอ
- โดยในเวลาที่มีแสงน้อย Retinal จะรวมตัวกับโปรตีนชื่อ Opsin กลายเป็นสารประกอบ Rhodopsin ซึ่งมีคุณสมบัติดูดแสง และช่วยปรับสายตาให้มองเห็นนั่นเองค่ะ ซึ่งเมื่อสารตัวนี้ถูกใช้แล้ว ก็จะย่อยสลายไป ทำให้การรับประทานอาหารที่มี วิตามินเอ ให้เพียงพอจึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะ
นอกจากนี้ วิตามินเอ ยังมีหน้าที่อื่นๆดังนี้ค่ะ
- เป็นส่วนประกอบสำคัญของ cornea และยังมีผลต่อการเจริญเติบโต การสร้างกระดูก และระบบสืบพันธ์ นอกจากนี้ยังป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ ทำให้ผิวและผมแข็งแรง Beta carotene (หรือ pro vitamin A) ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามิน A ในร่างกาย Beta carotene เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสามารถชะลอความแก่ได้
- ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness)
- ช่วยให้กระดูก ผม ฟัน และเหงือกแข็งแรง
- สร้างความต้านทานให้ระบบหายใจ
- ช่วยสร้างภูมิชีวิตให้ดีขึ้น และทำให้หายป่วยเร็วขึ้น
- ช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ลดการอักเสบของสิว และช่วยลบจุดด่างดำ
- ช่วยบรรเทาโรคเกี่ยวกับไทรอยด์
เรามาดูกันว่าวิตามินเอพบมากในอาหารชนิดใดบ้าง
- Retinol เป็นวิตามินเอ ที่พบในสัตว์เช่น ไข่ นม ตับ นมพร่องมันเนยจะมีวิตามินเอต่ำเพราะวิตามินเอละลายในไขมัน ดังนั้นนมพร่องมันเนยจึงต้องเติมวิตามินเอ วิตามินเอจากสัตว์จะดูดซึมได้ดี
- วิตามินเอที่มาจากพืชใบเขียวจะดูดซึมไม่ดีเท่าวิตามินที่มาจากสัตว์ พืชใบเขียวจะมีวิตามิน Provitamin A carotenoids มาก
- ผักผลไม้ที่ให้วิตามินเอส่วนใหญ่จะมีสีเหลือง ส้ม แดง และเขียวเข้ม เพราะมีเบต้าแคโรทีนและแคโรนอยด์ที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอต่อไป เนื่องด้วยวิตามินเอในผักผลไม้มีความไวต่อออกซิเจนมาก ดังนั้นวิธีการต้มที่ป้องกันการสูญเสียวิตามินได้ดีทีสุดคือ ควรปิดฝาภาชนะขณะต้มและใส่น้ำน้อยๆ
- ในข้าวกล้องอย่าง ข้าวกล้องหอมมะลิแดง และไรซ์เบอร์รี่ ก็มีวิตามินเออยู่เยอะ แต่จะอยู่ในรูปของ Provitamin A carotenoids หรือ เบต้าแคโรทีน ที่พวกเราคุ้นเคยนั่นเองค่ะ
มาดูอาการของคนขาดวิตามินเอ
- โรคผิวหนัง เนื่องจากวิตามินเอมีส่วนสำคัญในการรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง ขาดวิตามินเอทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้น หยาบกร้าน แห้งแตก โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณข้อศอก ตาตุ่มและข้อต่อด่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคผิวหนัง เช่น สิวและโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้
- ตาฟาง หน้าที่ของวิตามินเอคือช่วยในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็น หากขาดจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย และทำให้เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามินเออย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้
- ความต้านทานโรคต่ำ วิตามินเอเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราทำงานตามปกติ การขาดวิตามินเอจึงทำให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้เกิดการอักเสบในโพรงจมูก ช่องปาก คอ และที่ต่อมน้ำลาย
แน่นอนค่ะว่า เมื่อได้รับมากเกินไปก็เป็นโทษ เรามาดูอันตรายจากการได้รับวิตามินเอมากเกินไปกันค่ะ
- แท้งลูกหรือพิการ หญิงมีครรภ์ที่ได้รับวิตามินเอมากเกินไปมีความเสี่ยงต่อภาวะทารกในครรภ์คลอดออกมาพิการหรือแท้งได้ เนื่องจากวิตามินเอมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์ ซึ่งอาจทำให้เด็กมีความผิดปกติที่ทางเดินปัสสาวะ กระดูกผิดรูป หรือมีติ่งปูดออกมาที่บริเวณหู
- อาการอ่อนเพลีย หากร่างกายได้รับวิตามินเอเกินครั้งละ 15,000 ไมโครกรัม จะมีผลทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและอาเจียนได้
- เจ็บกระดูกและข้อต่อ เบื่ออาหาร เซื่องซึม นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ผมร่วง ปวดศีรษะ ท้องผูก ทั้งหมดนี้เป็นโทษในระยะยาวที่เกิดจากการรับประทานวิตามินเอมากเกินไป
- หาได้รับเกินความต้องการมากเกิน 4 เท่า จะทำให้โครงกระดูกผิดปกติ
อาหารมื้อถัดไป อย่าลืมหาผักผลไม้ที่มี วิตามินเอ มารับประทานให้เพียงพอด้วยนะคะ
และกลับมาติดตามเคล็ดลับสุขภาพดีๆแบบนี้ได้ที่นี่ทุกวัน กับ “ข้าวหงษ์ทองไลฟ์ ข้าวอร่อยเพื่อสุขภาพ” ค่ะ
อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทองไลฟ์ ข้าวอร่อยเพื่อสุขภาพ
เว็บไซต์หลักของเรา ข้าวหงษ์ทองไลฟ์ ข้าวอร่อยเพื่อสุขภาพ
[leap_gap height=”20px” ]