สังเกตได้ว่าช่วงฤดูฝนจะมีข่าวเรื่องอุบัติเหตุ รถเสียหลัก ตกถนน มากกว่าช่วงอื่น ๆ ของปี เป็นเพราะว่าช่วงฤดูฝนถนนลื่น พื้นเฉอะแฉะ ทัศนวิสัยก็แย่ลง การใช้รถใช้ถนนต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นค่ะ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฝนตกหนักเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังในการขับขี่เป็นอย่างมาก ลองมาดูวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝนกันนะคะ

1.ตรวจเช็คสภาพของรถยนต์ให้พร้อม
– ที่ปัดน้ำฝน อุปกรณ์อันเล็กที่มักถูกมองข้ามในหน้าร้อน แต่เป็นพระเอกในหน้าฝนเพราะช่วยให้การมองเห็นในขณะขับขี่ดีขึ้น ยางปัดน้ำฝนที่เสื่อมมักจะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าด และเมื่อปัดแล้วจะมีคราบน้ำเป็นเส้นเนื่องจากรีดน้ำบนกระจกออกไม่หมด จึงทิ้งรอยไว้บนกระจกรถ นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนแล้ว นอกจากนี้ไม่ควรจอดรถตากแดดจ้า เพราะแดดจะทำให้ยางของที่ปัดน้ำฝนเสื่อมเร็วนะคะ สิ่งที่ดีที่สุดในการดูแลคือเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนทุก ๆ 1 ปี

– เบรก ระบบเบรกถือเป็นระบบที่สำคัญมาก ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งควรตรวจเช็คระบบเบรกให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผ้าเบรกควรเปลี่ยนหรือเติมที่ระยะ 50,000 กิโลเมตร หรือหากเริ่มมีเสียงดัง ‘เอี๊ยด’ ออกมาทุกครั้งที่เหยียบเบรกแล้วล่ะก็ แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนผ้าเบรกได้แล้วค่ะ

– ยางรถยนต์ ควรตรวจสอบดอกยางว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ อายุการใช้งานไม่ควรเกิน 5 ปี หากตรวจเช็คสภาพยาง แล้วพบว่าดอกยางมีความลึกต่ำกว่า 3 มิลลิเมตรก็ควรรีบเปลี่ยนทันที ดอกยางที่เสื่อมแล้วจะรีดน้ำได้น้อยลง ทำให้รถเสียหลักได้ง่าย จนทำไปสู่อุบัติเหตุที่รุนแรงได้

– ระบบสัญญาณไฟ ช่วงที่ฝนตก ไฟส่องสว่างจะเป็นจุดสังเกตให้รถคันอื่นมองเห็นรถของคุณ อีกทั้งช่วยบ่งบอกทิศทางว่าคุณจะขับไปทางไหน นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณมองเห็นถนนได้ดีด้วย ก่อนออกจากบ้านควรตรวจสอบดูว่าไฟส่องว่างเต็มที่หรือไม่ ไฟติดทุกดวงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย ไฟฉุกเฉิน หรือไฟเลี้ยว เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีหลอดใดหลอดหนึ่งขาด

2.ขับรถด้วยอัตราความเร็วที่ควบคุมได้
ช่วงที่ฝนตก ถนนจะลื่น การหยุดรถต้องใช้ระยะทางมากขึ้น หากใช้ความเร็วสูง จะไม่สามารถหยุดรถได้ทัน และรถอาจจะลื่นไถลไปไกล ควรขับรถด้วยความเร็วที่ตนเองควบคุมได้ ความเร็วที่แนะนำ คือไม่ควรเกิน 60 กม./ชม. อีกทั้งช่วงที่ฝนตกใหม่ ๆ ถนนจะลื่นกว่าปกติ เพราะน้ำฝนจะไปล้างฝุ่นละอองบนถนน การหยุดรถจึงจะต้องใช้ระระยะเบรกมากกว่าการขับรถในสภาพที่มีถนนแห้ง จึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าการขับรถในช่วงเวลาปกติ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้หยุดรถได้อย่างปลอดภัยค่ะ

3.หลีกเลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินในขณะที่ฝนตก
การเปิดไฟฉุกเฉินผิดที่ผิดเวลาแทนที่จะปลอดภัยกลับกลายเป็นอันตรายเสียมากกว่า เพราะเมื่อเปิดไฟฉุกเฉินค้างไว้ ไฟเลี้ยวจะไม่ทำงาน ถึงแม้ว่าคุณเปลี่ยนเลนพร้อมกับเปิดไฟเลี้ยว ไฟของคุณก็ยังเป็นไฟฉุกเฉินอยู่ดี รถคันอื่นจะไม่เห็นว่าคุณเปิดไฟเลี้ยวอยู่ ทำให้รถที่ตามมาไม่รู้ว่าคุณจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือจะหยุดรถกันแน่ นอกจากนี้ไฟฉุกเฉินยังสะท้อนเข้าตาคนขับรถคันอื่น เพราะมีการหักเหของแสงกระทบกับน้ำฝนและกระทบเข้าตา ไฟฉุกเฉินจึงควรเปิดเมื่อต้องการจอดรถนิ่ง ๆ แล้วต้องการให้รถคันอื่นเห็นเท่านั้นค่ะ

4.จอดพักก่อนถ้าฝนตกหนักมาก
ตอนที่ขับรถออกจากบ้านมา ฝนตกเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อขับไปสักพัก ฝนตกหนักขึ้น ตกหนักจนสักพักเริ่มมองไม่เห็นทางข้างหน้า ทัศนวิสัยไม่ดี แต่ขับรถออกมาแล้ว ไม่อยากเสียเวลา ก็ขับต่อไปเรื่อย ๆ หากคุณเคยประสบกับเหตุการณ์นี้ ขอให้หาที่จอดพักรถก่อนนะคะ การดันทุรังขับต่อไปโดยมองไม่เห็นทางข้างหน้าอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ คุณควรยอมสละเวลาเพียงสักนิดให้ฝนตกน้อยลง แล้วค่อยขับออกไปนะคะ

ก่อนขับรถออกจากบ้าน ลองเอาเคล็ดลับข้างบนไปลองใช้ดูนะคะ คุณจะได้ขับรถกลับถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยตลอดฤดูฝนค่ะ

อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทอง ใส่ใจสร้างสรรค์ข้าวคุณภาพ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here