“แกงเลียง” เมนูอาหารภาคกลางอีกหนึ่งเมนูเพื่อสุขภาพ เป็นแกงไทยที่มีมาแต่โบราณ มีการปรุงรสจากผักสารพัดชนิด โดยเน้นที่ผักมากกว่าเนื้อสัตว์ น้ำแกงที่ได้จะข้น มีรสเผ็ดร้อนจากพริกไทยแต่ไม่เผ็ดจัดจนเกินไป รสชาติเค็มพอดี ได้ความหอมหวานนิดๆ จากผักสมุนไพรสดหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นผักพื้นบ้านหาง่าย มีสรรพคุณทางยาอยู่มาก และผักที่ขาดไม่ได้คือใบแมงลักซึ่งทำให้แกงเลียงมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เกริ่นขนาดนี้มาลงมือทำกันค่ะ

เครื่องแกงเลียง
1. กุ้งแห้ง ½ ถ้วย
2. เนื้อกุ้งต้ม ½ ถ้วย
3. พริกไทยเม็ด 2 – 3 ช้อนโต๊ะ (ใส่น้อยกว่านี้ได้)
4. หอมแดง 10 หัวกลาง
5. กะปิอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
6. กระชาย 3 แง่ง
7. พริกขี้หนูสวน 5-6 เม็ด (ใส่ตามชอบ)

วิธีทำเตรียมเครื่องแกงเลียง
➣ ให้นำทุกอย่างมาโขลกรวมกันหรือจะใช้เครื่องปั่นก็ได้ โดยเริ่มจากโขลกกุ้งแห้งก่อน ตามด้วยพริกไทย กระชาย กะปิ หอมแดง กุ้งสด และพริกสด ไม่จำเป็นต้องตำจนละเอียดยิบก็ได้

เคล็ดลับ
➭ กุ้งให้แช่ในน้ำร้อนไว้ก่อน จะได้นิ่มโขลกง่ายๆ
➭ กระชายใส่เพื่อดับกลิ่นคาว และได้ความหอมของสมุนไพร

เตรียมวัตถุดิบ

  • ฟักทอง 1 ถ้วย (ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
  • บวบหอมอ่อน หรือบวบเหลี่ยมอ่อน 1 ถ้วย (ปอกเหลี่ยมออกให้หมด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
  • ข้าวโพดอ่อน 1 ถ้วย (ปอกเปลือกเก็บฝอยปลายดอกออกให้หมดและหั่น)
  • เห็ดฟาง 1 ถ้วย (ใช้มีดเกลาโคนและเศษดินออก ล้างน้ำ ผ่า 4 ส่วนตามยาว)
  • เห็ดนางฟ้า 1 ถ้วย (ล้างน้ำและผ่าเป็นส่วน)
  • ใบแมงลัก 2 ถ้วย (ล้างน้ำทั้งกิ่ง เขย่าให้สะเด็ดน้ำเด็ดเป็นใบ ๆ)
  • น้ำเต้า 1 ถ้วย (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
  • ใบตำลึง 3 ถ้วยตวง
  • กุ้งสด 1 ถ้วย
  • น้ำลวกกุ้ง 6 ถ้วย

วิธีทำ
1. กุ้งสดนำไปล้างน้ำ ปอกเปลือก แล้วใช้กรรไกรตัดหัวเอาขี้กุ้งออก ตัดขากุ้งออก และผ่าหลังเป็น 2 ซีกดึงเอาเส้นดำทิ้งไป
2. นำกุ้งมาต้มในน้ำเดือดแค่พอสุก น้ำที่ได้จากการต้มกุ้งนำไปทำน้ำซุปโดยกรองเอาน้ำไว้ กุ้งที่สุกแล้ว ก็จะนำมาแกะเอาเปลือกกุ้งออก แต่ยังไม่ทิ้งเปลือกกุ้ง สังเกตุให้ดีที่หัวกุ้งจะมีมันกุ้งติดอยู่ให้นำเอาทั้งหมดนั้นมาปั่น แล้วละลายในน้ำต้มกุ้งใช้กระชอนกรองเราก็จะได้น้ำซุปกุ้งมาทำแกงเลียง โดยไม่ต้องใช้ผงปรุงรส มาช่วยเลย
3. นำน้ำซุปกุ้งสดใส่หม้อต้มให้เดือด พอน้ำแกงเดือดใส่เครื่องแกงเลียงลงไป
4. พอน้ำแกงเดือดให้เตรียมผักลงใส่ตามลำดับความสุกช้า เร็ว ของผัก คือผักสุกยากใส่ก่อน ตามด้วยผักสุกง่าย
5. ปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อย ใส่ใบแมงลักใช้ทัพพีกดให้ใบแมงลักจมน้ำแกงให้หมด ปิดเตา พักไว้ 1 นาที คนพอทั่วตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟร้อนๆ

คุณค่าทางโภชนาการ ประเภท วิตามิน แร่ธาตุ แล้วยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพหลายๆ ชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน หรือฟลาโวนอยด์ที่ช่วยในการป้องกันโรคได้

เคล็ดลับความอร่อย

  • สามารถใส่ผักได้หลากหลายที่เป็นผักพื้นบ้านหาได้ง่ายโดยเฉพาะที่นิยมก็เป็นพวกผักยอด ผักใบแต่ถ้าไม่มีผักตามสูตรก็ไม่เป็นไรใส่เป็นผักอย่างอื่นได้ทั้งนั้น ใส่ผักกี่อย่างก็ได้ตามชอบไม่เสียรสชาติ ที่สำคัญคือต้องใส่ใบแมงลัก เพราะให้รสชาติความหอมอร่อยเฉพาะตัวของแกงเลียง
  • สำหรับคนที่ไม่ชอบผักตามสูตร ก็เลือกผักที่ตัวเองชอบได้เลย ผักที่ใช้ทำแกงเลียง เช่น ฟักทอง บวบหอม บวบเหลี่ยม ข้าวโพดอ่อน ใบตำลึง เห็ดฟาง เห็นางฟ้า เห็ดออรินจิ เห็ดหอม ยอดฟักแม้ว ยอดมะพร้าวอ่อน ถั่วฝักยาว ฟักข้าว น้ำเต้า หัวปลี แตงโมอ่อน ผักหวาน ดอกขจร เป็นต้น
  • แกงเลียงที่อร่อยผักจะต้องสดใหม่ จึงจะได้น้ำแกงรสหวานโดยธรรมชาติและหอมน้ำพริกแกง
  • แกงเลียงที่ใส่พริกไทยมากไปจะมีรสขมไม่อร่อย แบบเผ็ดจนขม
  • แกงเลียงสำหรับหญิงตั้งครรภ์ให้ใส่พริกไทย 2-3 เม็ดพอหอม เพราะพริกไทยมีฤทธิ์เผ็ดร้อนใช้มากไปจะแสลง ส่วนหลังคลอดใส่พริกไทยได้พอควร ไม่ใส่พริกขี้หนูเพราะจะทำให้มีผลกันน้ำนมแม่
  • แกงเลียงควรรับประทานขณะร้อนๆ

 

อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจกันด้วยนะคะ www.facebook.com/ข้าวหงษ์ทอง ใส่ใจสร้างสรรค์ข้าวคุณภาพ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here